ต้องทำบุญด้วยอะไร ถึงเกิดมาเป็นคนที่หน้าต าดี

เห็นแค่หัวข้ อหล า ยๆคนคงอย ากรู้กันไม่ใช่น้อยเลยใช่ไหมละ ขนาดแอดเองยังอย ากจะรู้เลย เอาเป็นว่าไม่รอช้าเราไปดูกันดีกว่าว่า ต้องทำบุญด้วยอะไร ถึงเกิดมาเป็นคนที่หน้าต าดี เผื่อเป็นกุศลบุญให้กับเราในชาติต่อไป

1 ทำทานด้วย ความศรัทธา

2 รั ก ษ า ศีลให้บริสุทธ์ คนที่จะหน้าต าดี ต้องไม่มีวิบาก ของปาณาติปาต ฆ่ า สั ต ว์ ทำ ร้ า ย ผู้อื่น กาเมสุมิจฉาจาร ประพฤติผิ ดในกาม มาหน่วงรั้งไว้ในชาติภพนั้นๆ

3 ทำบุญใหญ่ อะไรสัก อ ย่ า ง หนึ่ง เช่นสวดมนต์ นั่งสมาธิจนได้ณาน เมื่อจิตมีกำลังมาก แล้วตั้งจิตอธิษฐาน ขอแสงสว่าง ด้านหน้าต า

4 ไม่เป็นผู้ มักโ ก ร ธ ข้ อนี้พระ พุ ท ธ เจ้าบอ กไว้

5 ถวายของสวยงาม เครื่องหอม ด อ ก ไม้สวยๆให้พระ แล้วอธิษฐาน กำกับไว้เรื่องนั้น โดยเฉพาะ อ ย า ก สวย ร ว ย ฉลาดสมปรารถนา มี ด ว ง ต าเห็นธรรม ให้ทำทาน รั ก ษ า ศีล เจริญสมาธิภาวนา จะได้สมดังใจ ห ม า ยค่ะ

ทำไมจึงเกิดมาหน้าต าดี มีคำตอบ ในพระ พุ ท ธ ศ า ส น า เ พ ร า ะประกอบเหตุ ในการสร้าง บุญดังนี้

การสร้างบุญด้วยศีล

ศีลได้ชื่อว่าเป็นทาง มาของรูปสมบัติ ถ้าหาก อ ย า ก จะมีรูปร่างหน้าต า ผิวพรรณที่ดีสวยงาม สมกับเป็น มนุษย์ที่ สมบูรณ์ก็ควรจะ รั ก ษ า ศีล เ พ ร า ะเหตุใด จึงมีคำกล่าวเช่นนี้ ก็เ พ ร า ะเป็นไปต ามหลักกฎแห่ง ก ร ร ม ที่พระ พุ ท ธ เจ้าทรงประทานไว้ ให้กับสุภมาณพใน พระไตรปิฎกจูฬ กัมมวิภังสูตรเช่น เดียวกัน สุภมานพถามว่า

ทำไมบางคนเกิด มารูปร่างไม่สวย ส่วนบางคนรูปร่างสวย พระ พุ ท ธ เจ้า ได้ทรงตรัสตอบว่า คนบางคนเป็นคน ข ี้โ ก ร ธ มีความโ ก ร ธเป็นเจ้าเรือน ก็คือ เมื่อสิ้นอายุขัยไปแล้ว จึงไปเกิดในอบายภูมิ หรือสถานที่ลำบาก เมื่อหมดจากภพนั้ นได้มาเกิดเป็นคนอีกครั้ง เ พ ร า ะความที่เป็นคนข ี้โ ก ร ธ อยู่เสมอ ชาตินี้จึงเป็นคนที่มีหน้าต าข ี้ริ้ว ข ี้เหร่ ไม่สวยงามอัปลักษณ์

ส่วนเหตุที่ คนเกิดมานั้นรูปสวย ก็คือ เป็นเ พ ร า ะในชาติปาง ก่อนเป็นคนดี มีศีลและมีเมตต า ไม่เป็นคน ข ี้โ ก ร ธเจ้าอารมณ์ จึงส่งผลให้เขาผู้นั้น มีรูปร่าง หน้าต าสวยงาม และสุดท้าย สุภมาณพก็ถามว่า ทำไมคนบางคนจึง เกิดมาโ ง่ คนบางคนเกิดมาฉลาด พระ พุ ท ธ เจ้าได้ทรงตรัสตอบว่า คนที่มีสติปัญญาไม่ดี เ พ ร า ะเมื่อชาติปางก่อนนั้น เป็นคนไม่เข้าไปไต่ถามหา

ความรู้ต่อ สมณะพราหมณ์ต่อผู้ประพฤติดี ผู้รู้คุณธรรมหรือมี ความประพฤติชอบ ดูถูกดูแคลนผู้ประพฤติ ธรรมรวมถึงคนอื่น ๆ ชอบดื่ม สุ ร า ให้ข า ดสติอยู่เป็นประจำ เมื่อเกิดมาจึงเป็น คนโ ง่เขลาปัญญาทึบ หรือแม้แต่ พิ ก า ร ทางปัญญา นี่แหละคือเหตุผล ที่เราต้อง รั ก ษ า ศีลให้เป็นปกติ แล้วศีลแปลว่าอะไร คำว่า ศีล หากในทางความห ม า ย ของภิกษุก็คือ ข้ อห้ามในการกระทำ

ที่จะงดเว้น จากความ ชั่ ว ความทุจริตและสิ่งที่ ไม่ดีทุกประการ พระ ส า รี บุตร อัครสาวกเบื้องขวาซึ่ง เป็นธรรมเสนาบดีในพระสัมมาสัม พุ ท ธ เจ้าท่านกล่าว เอาไว้ใน คัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค ว่า ศีล คือ เจตนา ความตั้งใจที่จะงดเว้น จากกายทุจริต 3 อันได้แก่ ไม่ ฆ่ า สั ต ว์ ไม่ลักท รั พ ย์ ไม่ประพฤติผิ ด ในกาม และ วจีทุจริต 4 คือ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดคำหย าบ ไม่พูดส่อเ สี ยด และไม่พูดเพ้อเจ้อ

ศีลนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ สงบเ พ ร า ะเป็นคุณธรรมที่ช่วย รั ก ษ า กาย และวาจา ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อ กายและวาจาสงบ เรียบร้อยก็จะพลอยทำให้ ใจสงบปราศ จากความกังวลไปด้วย ในบทพระราชนิพนธ์ ของสมเด็จพระสังฆราชฯ พระองค์ท่านก็กล่าวให้ ความห ม า ยของคำว่าศีลแปลว่า ปกติ ห ม า ยถึงสิ่งที่ ต้อง รั ก ษ า เพื่อความเป็นปกติ ของความเป็น มนุษย์ หากมนุษย์คนใดที่ไม่มีศีล

ก็ไม่เรียกว่า มนุษย์แต่จะเรียกว่า คน ที่แปลว่า ยุ่ง แทน ศีลนั้น มี 3 ประเภท หรือ 3 ระดับอันได้แก่ ศีลระดับธรรมดาได้แก่ ศีล 5 ศีลระดับกลางมัชฌิมาศีล หรือ อุโบสถศีล คือ ศีล 8 และศีล 10 และ ปาริสุทธิศีลเป็น มหาศีลหรือ ศีลขั้นสูงสุด อ ย่ า ง ปาฏิโมกข์สังวรศีล 227 ข้ อ ของพระภิกษุ ซึ่งในที่นี้ จะขอ ข ย า ย ความเฉพาะ

ศีล 5 ที่เป็นศีลขั้นพื้นฐาน สำหรับความเป็น มนุษย์ที่จะทำใ ห้เราสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่ างสันติ ในที่นี้ขออธิบาย เฉพาะเพียงศีล 5 ที่เราควรจะสร้าง และ รั ก ษ า ไว้ให้ดี เนื่องจาก เป็นข้ อปฏิบัติ ที่มีความเหมาะสม สำหรับคนปกติธรรมดา หากใคร อ ย า ก จะถือศีล ที่มากกว่านี้ก็ย่อมทำได้ เพียงแต่การถือศีลมากข้ อแบบ พระสมณะนั้นจะทำให้เกิด

ความไม่สะดวกบาง ประการในการดำรงชีวิต เช่น การไม่อาจจะหยิบจับ หรือรับเงินทองได้ ซึ่งในความเป็นปกติ ของมนุษย์ธรรมดาแล้วก็ไม่จำเป็นต้อง ถือศีลมากขนาดนั้น ศีล 5 คืออะไร สำหรับผู้ที่นับถือ ศ า ส น า พุ ท ธ ก็คงจะคุ้นเคยเวลาที่ พระท่านให้กล่าว อาราธนาศีล 5 แล้วเราก็รับศีลไป แต่บางทีก็ไม่เคย เข้าใจหรือไม่เคยรู้

ในความห ม า ยที่แท้จริง เรากล่าวรับไปต าม เรื่อง อ ย่ า ง นั้นเอง ความจริงแล้ว ศีล 5 เป็นสิ่งที่มนุษย์ เราช่วยกันบัญญัติ ขึ้น มาเพื่อ การอยู่ร่วม กัน อ ย่ า ง สงบจากสามัญสำนึกที่รู้ว่า เมื่อเรามีความรักตนเอง มีความต้องการความสุข มีความ ต้องการความ ป ล อ ด ภั ย อ ย่ า ง ไรในชีวิต คนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน ศีล 5 จึงมีความห ม า ยว่า หลักมนุษยธรรม หรือ ธรรมที่ทำให้ เป็น มนุษย์

ถือศีลเป็นการสร้างบุญได้ อ ย่ า ง ไร

ในหลักทางมา แห่งบุญข้ อที่ 2 กล่าวถึง ศีลมัย หรือ บุญสำเร็จได้ด้วยการ รั ก ษ า ศีลก็ห ม า ยความว่า เมื่อใดที่เรางดเว้นจาก ความ ชั่ ว ก็เป็นการสร้าง กรอบ ที่จะไม่เรานำร่างกาย หรือวาจาไปเบียดเบียนคนอื่น ได้เป็นบุญที่ใหญ่กว่า ทาน ซึ่งwระ พุ ท ธ องค์ตรัสว่า การถือศีลนี่เป็น มหาทาน ที่ยิ่งใหญ่กว่า ทานใดๆ ก็เ พ ร า ะว่าถือว่าเราได้ ให้ ให้ที่ว่าคือให้ชีวิต และความ ป ล อ ด ภั ย

หากถือศีลข้ อที่ 1 ได้ให้ในความ ป ล อ ด ภั ย ในท รั พ ย์สิน ของผู้อื่นคือ การ ถือศีลข้ อที่ 2 ให้ในความ ป ล อ ด ภั ย ในสถาบันครอบครัว ของคนอื่นก็คือศีลข้ อที่ 3 ให้ในความจริงใจที่จะ มอบให้แก่คนอื่นก็คือศีลข้ อ 4 และให้ในความ ป ล อ ด ภั ย ในทุกสิ่งทุก ประการคือศีลข้ อที่ 5 หากเรา รั ก ษ า ศีลได้ดีจึงทำให้เราได้ บุญด้วยมหาทานอันยิ่งใหญ่ นอ กจากกายและวาจาจะ ไม่ได้เบียดเบียนใครแล้ว บุญที่เกิดขึ้นนี้ จะช่วยชำระจิตใจให้สะ อ า ด และมีพลังยิ่งใจสะ อ า ด บริสุทธิ์มากก็ยิ่งมี พลังมากจะดึงดูด เอาสิ่งที่ดีงามมาสู่ชีวิต

ที่มา poobpub sabuyjaijung