เรียนจบสูงแค่ไหนไม่สำคัญ ทำงานให้เป็นสำคัญกว่า

การศึกษานั้นเป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่ใครๆต่างก็หวังอย ากให้ลูกหลานนั้นเรียนจบสูงๆ แต่หล า ยๆคนอาจจะลืมอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กับการเรียนเลย นั่นคือ การใช้ชีวิตให้เป็นรู้จักเอาตัวรอ ด สิ่งเหล่านี้หล า ยคน มักจะมองข้าม

เรามักจะถูกสั่งสอน มาว่าการเรียนนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่ในชีวิตปัจจุบันนั้นเราจะสังเกตได้ว่า คนที่เรียนจบสูงบางคนก็ว่างงานไม่มีงานทำ ต่างจากคนที่คน มีประสบการณ์ทางด้าน การทำงาน มีความรู้ความสามารถการปฏิบัติ ที่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง มีความก้าวหน้าทางด้านการงาน มากกว่า

ประเด็นแรก ของเรื่องนี้คือ เรื่องการเรียน

ปัจจุบันการศึกษาเล่าเรียนเป็นเรื่องของผู้เรียนเพียงคนเดียว จะเรียนดีเรียนแ ย่ ก็อยู่ที่คนเรียนเองทั้งนั้น พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ หรือญาติพี่น้องทั้งหล า ย ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ สถาบันการศึกษาที่เรียนจบมาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้ องจริงๆ แล้วอยู่ที่ฝีมือตัวเองล้วนๆเมื่อผลการเรียนออ กมามีแนวโน้มว่าสามารถทำงานได้เก่งนะ เพราะกว่าจะจบมันต้องฝึกฝนกัน มากมาย

แต่ถ้าว่าอ ย่ างไรก็ต ามการฝึกฝนในระหว่างการที่ศึกษาอยู่นั้น มันฝึกฝนและเรียนรู้จากกรอบการศึกษา เมื่อทำผิ ดก็ทำใหม่ แก้ไขใหม่ จนกว่าจะดีขึ้น นั่นเป็นหลักการง่ายๆ ของการศึกษา ที่เชื่อว่าทุกคนที่ได้ศึกษาในรั้วมหาวิท ย าลัยหรือในรั้วโรงเรียนก็เคยผ่านกัน มาทุกคนแต่อย ากให้ลองสังเกตดีๆ ว่าในช่วงที่เราศึกษาอยู่ เมื่อไหร่ที่คิดผิ ด ทำผิ ด เราจะถูกทำโท ษ ด้วยการ

ทำให้เห็นจากเกรดหรือผลการศึกษา ถ้าเรียนไม่ดีก็อาจติด F ในที่นี้คือ การลงทะเบียนใหม่กับเด็กรุ่นน้องๆ บางคนก็อับอายที่จะต้องเป็นพี่แล้วไปเรียนกับรุ่นน้องใครจะรู้ว่าชีวิตในวัยเรียนนั้น มีเรื่อง เ ค รี ย ดมากมาย ป ว ดหัวเพียงไม่กี่เรื่อง นอ กนั้นเป็นเรื่องสนุกสนานบางคนที่จบมาแล้วยังอย ากกลับเรียนใหม่เลย เพราะเมื่ออยู่ในรั้วมหาวิท ย าลัยนั้นได้เจอเพื่อนๆ ได้อยู่กับเพื่อนๆ

ถึงเวลาเรียนก็ไปถึงเวลาเลิกก็ไปกับเพื่อน แต่เมื่อผลการศึกษาออ กมาและเมื่อเราสำเร็จการศึกษาเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องจบจากการศึกษาเพื่อมาทำงานทำการ ซึ่งผลการศึกษาที่ผ่าน มานั้น จะเป็นตัวพิสูจน์ต่อไปในช่วงชีวิตวัยทำงาน

ประเด็นที่สอง คือ เรื่องการทำงาน

เขาบอ กกัน มาว่า ค่าของคนอยู่ที่ผลของการทำงาน การทำงานของทุกคนสามารถวัดได้ง่ายๆ โดยการวัดจากผลของงานที่ทำว่างานนั้นเกิดคุณค่าหรือประโยชน์แก่คนร่วมงาน มากน้อยแค่ไหน นั่นแหละคือ คุณภาพของงานเมื่อพูดแบบนี้แล้วเราจะสังเกตได้ง่ายเลยว่าตอนเราเรียนไม่มีผลการวัดแบบนี้เลย การศึกษาที่ผ่าน มานั้นเป็นการเรียนรู้อะไรที่ทำไม่ได้

สอบไม่ผ่านก็ทำใหม่ แต่จริงๆแล้วการทำงานนั้นไม่เหมือนแบบเรียนเลย เมื่อเราทำงานที่ได้รับมอบห ม า ยมานั้นถ้าเกิดความผิ ดพลาดอะไรเกิดขึ้นกับเราบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเ สี ยเวลา เ สี ยเ งิ น เ สี ยใจ หัวหน้างานตำหนิ เพื่อนร่วมงานไม่มีความเชื่อถือ ทั้งหมดที่พูดมานี้คือความจริง คือโลกความเป็นจริงที่เ จ็ บป ว ดแต่ในทางกลับกัน มันก็อาจจะเป็นโลกที่มีความสุข

เพราะเมื่อไหร่ที่เราทำงานสำเร็จ คุณก็จะมีคุณค่าต่อผู้อื่นในวงกว้าง ถ้าสังเกตดีๆ ก็เหมือนกับชีวิตในวัยเรียนคือช่วงของโลกจินตนาการแต่ชีวิตในการทำงาน มันเป็นโลกแห่งความจริง มีคนเคยบอ กว่าการที่เราประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นเพราะเราไม่หยุดการเรียนรู้เพราะเมื่อไหร่ที่ออ กมาจากรั้วมหาลัยแล้ว ไม่มีคุณครูคอยบอ กคอยสอนจะเป็นตัวเราที่จะได้ศึกษาจริงๆจัง

จะต้องเรียนรู้ทุกอ ย่ างเพราะนั่น มันคือผลได้ผลเ สี ยของเรา ในทุกๆครั้ง ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ต ามจริงๆ แล้วการศึกษาไม่ได้อยู่เพียงแค่ในรั้วมหาวิท ย าลัยเพียงอ ย่ างเดียว เราจำเป็น ต้องศึกษาในทุกๆเรื่อง ศึกษาที่จะล้ มเห ล วและปรับแก้ไขให้มันดีขึ้น ไม่ให้มันผิ ดแล้วผิ ดอีกจนหาคุณภาพไม่ได้ ชีวิตของเรายังดำเนินต่อไปไม่ใช่แค่อยู่ในรั้วมหาลัยจะต้องเรียนรู้ชีวิต การทำงานเราก็ต้องเรียนรู้จะพัฒนาตัวเองให้ก้าวไปสู่จุดที่สูงที่สุด แต่ไม่ใช่จุดที่เราต้องเ ห ยี ย บย่ำคนอื่นขึ้น มา แต่เราต้องพ ย าย ามเรียนรู้และแก้ไขสิ่งต่างๆให้ผ่านไปให้ได้

ที่มา p o s t s a r a.  fahhsai