3 หลักคิดสอนลูกเรื่องเงินให้เติบโตมีอนาคต ไม่ลำบาก

วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้หลักคิดสอนลูกเกี่ยวกับการใช้เงิน ให้รู้จักคุณค่าของเงิน กับบทความ 3 หลักคิดสอนลูกเรื่องเงินให้เติบโตมีอนาคต ไม่ลำบาก ไปดูกันว่าการสอนลูกให้รู้จักคุณค่าของเงินจะทำให้อนาคตของลูกดีขึ้นได้อย่ างไร

สอนให้มีเป้าหมาย

ถ้าอย ากได้ ของชิ้นใหญ่ เช่น Notebook ใหม่สักเครื่อง ควรสอนให้เลือ กรุ่นและร า ค า ที่เหมาะกับการใช้งานของตนเอง ไม่จำเป็นต้องรุ่นใหม่หรือแพงที่สุดเสมอไป หากเป้าหมายมีมูลค่าสูงแต่เป็นสิ่งที่เห็นว่าควรสนับสนุน และการเก็บเงินจากค่าขน ม ยังเป็นไปได้ย าก เราสามารถสร้างวินัยการออมและเป็นกำลังใจให้ลูกได้ เช่น บอ กลูกว่า เราจะช่วยสมทบให้เท่ากับเงินที่ลูกเก็บได้ทุกครั้ง หรือหากสิ่งนั้นเป็นประโยชน์หรือควรมี เราอาจสมทบทุน มากขึ้นได้ เพื่อฝึกให้ลูกเก็บเงินต ามเป้าหมายให้เป็น

สอนคุมค่าใช้จ่าย

เด็กมักใช้เงินแบบไม่คิด การให้เงินใช้เป็นรายวันแม้ช่วยคุมค่าใช้จ่ายได้แต่ยังไม่พอที่จะสร้างวินัย เพราะพอลูกใช้เงินหมดตกเย็นกลับบ้านก็ขอพ่อแม่ใหม่อยู่ดี ถ้าอย ากฝึกวินัยการใช้จ่ายให้ลูก ควรเริ่มจากให้เงินเป็นรายสัปดาห์ และสอนว่า จากเดิมเคยให้เงินไปโรงเรียนวันละ 200 บาท ตอนนี้โตแล้ว จึงให้คราวเดียว 5 วัน (เฉพาะวันที่ไปโรงเรียน) ครั้งละ 1,000 บาท โดยต้องหัดแบ่งเองว่าจะเอาไปโรงเรียนวันละเท่าไหร่ ถึงจะพอใช้ทั้งสัปดาห์โดย 1,000 บาท ที่ว่าก็ไม่ควรเป็นแบงก์พันแต่ ควรให้เป็นแบงก์ร้อย ลูกจะได้ทยอยหยิบไปโรงเรียนวันละ 2 ใบได้ ไม่ใช่ว่าวันจันทร์หยิบไปหนึ่งพัน แล้วใช้หมดเมื่อเข้ามหาวิทย าลัยก็ควรให้เป็นรายเดือน จะได้ฝึกวินัยก่อนรับเงินเดือนจริงตอนทำงานแล้ว

สอนให้หาเงิน

สำหรับลูกที่มีคนคอยหาเงิน ให้ใช้จ่ายอาจยังไม่เห็นค่าของเงินนัก หรือลูกที่มีเป้าหมาย การเก็บเงินที่มีมูลค่าสูง การสอนให้ลูกลองทำงานแลกเงินจะช่วยให้ลูกเห็นคุณค่าของเงิน มากขึ้น ถ้าลูกยังอยู่ชั้นประถม-มัธยมต้น อาจลองให้ทำงานบ้านเพื่อแลกกับค่าขน มที่มากขึ้น

ส่วนลูกที่โตขึ้น และเริ่มดูแลตัวเองได้แล้ว เช่น มัธยมปล า ย-มหาวิทย าลัย อาจให้ลองไปสมัครทำงาน part-time โดยหากเป็นงานที่ใช้ทักษะหรือเป็นความชอบของลูกอยู่แล้ว ก็จะเป็นการต่อยอ ดจากสิ่งที่ลูกมี ซึ่งหากไปได้ดี อาจกล า ยเป็นอาชีพหลักได้ในอนาคต แต่หากไปได้ไม่สุดก็ถือ เป็นการเรียนรู้เพื่อมองหาสิ่งอื่นที่เหมาะกับตัวเองมากกว่าความรู้ การเงินเรียนรู้ได้ทุกวัย ยิ่งเรียนรู้ตั้งแต่วัยเรียน ยิ่งเป็นการสร้างภูมิต้านทานทางการเงิน ก่อนต้องเผชิญโลกแห่งความเป็นจริงเมื่อเข้าสู่วัยทำงาน

ที่มา w e a l t h m e u p, v e r r y s m i l e j u n g