วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้ข้อคิดการทำงานแม้จะทำไม่ตรงกับวุฒิที่เรียนจบมา กับบทความ 7 ข้อคิดเรียนจบทำงานเลี้ยงตัวเองได้ แม้ไม่ตรงวุฒิก็ไม่สำคัญ ไปดูกันว่าการทำงานไม่ตรงกับสายงานที่เรียนจบมาจะทำให้ชีวิตขอวเรานั้นดีอย่ างไร
‘จะเรียนไปทำไม ถ้าสุดท้ายก็ได้งาน ที่ไม่ตรงสายงาน ที่น้อยคนจะรู้จัก เงิ นเดือนที่ไม่ได้มากมายอะไร’ คำถามนี้จะได้คำตอบ ที่ทำให้กลุ้มใจมากเลย เพราะมันเต็มไปด้วยความคาดหวัง ที่คิดว่า’เรามีทางเลือ กอยู่ไม่กี่อย่ างในชีวิต’ แต่ถ้าลองเปลี่ยน เป็นความคิด’ฉันทำงานอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ต าม’ มันอาจดูเป็นประโยคของคนแพ้ ในสายต าบางคน แต่ถ้าคิดดูแล้ว มันได้ความสบายใจเยอะกว่า การตั้งคำถามแบบแรก เพราะความเป็นจริงของชีวิตคือ
1 มนุษย์เราควรมีทางเลือ กให้กับชีวิตไว้หล า ยด้านหรือ’มีแผนสำรอง’
เพื่อไม่เป็นการปิดกั้นตัวเองจนเกินไปเช่นถ้าวุฒิที่เราเรียน มามันหางานย ากจะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำกว่านี้หางานไปก่อน ถ้าเราไม่ได้อาชีพนี้เรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อนความฝันสิ่งที่ใช่มันไม่ควรเป็นสิ่งที่ได้ดั่งใจในทันที
2 มนุษย์ทุกคน มีความสามารถในตัวเอง ‘แตกต่าง’กันไป เราไม่จำเป็น
ต้องเก่งเหมือนกันหมด
3 แม้แต่ในคนคนเดียว ยังมีความสามารถที่หลากหล า ย เช่น เป็นหมอ แต่ก็เล่น
ดนตรีเก่งทำอาหารเก่ง เป็นศิลปิน แต่ก็คำนวณเก่ง ขับรถเก่ง ในครั้งหนึ่ง ที่เราไม่เห็นประโยชน์ว่า จะใช้อะไรได้จริง พอโตขึ้นอีกหน่อย มันก็ต้องมีบ้างที่เรานึกอะไรขึ้น มา จนต้องไปหาอ่า นปัดฝุ่นตำราอีกครั้ง ทุกความรู้ที่เราได้รับไม่เคยสูญเปล่า แค่เรามองไม่เห็นค่ามันเอง ลองนึกดูให้ดีสิ
4 สิ่งที่เราเรียน มาเป็นสิบเป็นร้อยมันคือ’การหล่อหลอม’หล า ยวิช าไม่ได้สอนเราทางตรง
แต่ให้เราค่อยๆซึมซับข้อ ดีแต่ละอย่ างไปเองเช่นฝึกความอ ดทนฝึกความประณีตฝึกทักษะการเข้าสังคม
5 สิ่งที่เรา’เก่ง’ไม่จำเป็นต้องออ กมาในรูปแบบวิช าชีพเช่นหมอวิศวกรพย าบาล
มันอาจเป็นพรสวรรค์ก็ได้เป็นความรู้อะไรก็ได้ที่เราเอาจริงกับมันเช่นการทำอาหารการจัดสวนการออ กแบบ ไม่อย่ างงั้นเราคงไม่เห็นนักธุรกิจหน้าใหม่หล า ยคนผุดขึ้นเป็นดอ กเห็ดหรอ ก
6 มันเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์เราจะต้องวิ่งต ามหาสิ่งที่’ใช่’ค่อยๆเรียนรู้ค่อยๆปรับตัวไป
สิ่งที่เรากำลังสนุกในตอนนี้บางทีอาจจะยังไม่ใช่ที่สุดสิ่งที่เราเก่งในตอนนี้ในวันข้างหน้ามันอาจเป็นเพียงแค่ความทรงจำ เพราะอาจมีหล า ยปัจจัยให้คิดมากขึ้นเช่นจำเป็นต้องพับโครงการเรียนต่อเอาไว้เพราะเ งินไม่พอ จำเป็นต้องทำงานหาเ งินก่อนแล้วค่อยไปเรียนศิลปะที่เราชอบเราต้องดูจังหวะของชีวิตด้วย ( ความจำเป็นของชีวิตแต่ละช่วง )
7 ในรั้วโรงเรียนต่อให้เราได้เรียนกับอาจารย์ที่เก่งแค่ไหนขอบเขตความรู้มันก็เป็นเพียงความรู้ในรั้วเท่านั้น
โลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้นเรายังต้องรู้เห็นอีกมากเรียนรู้กันอีกย าวลองผิดลองถูกกันอีกเยอะ ดังนั้นจะมาฟั นธงว่าเรียน มาสายวิทย์ต้องทำงานสายวิทย์เรียนสายภาษาต้องทำงานสายภาษามันก็ไม่ถูกเสมอไป มันเป็นเรื่องธรรมดามากที่ต้องแลกกับความเหนื่อยความพย าย ามหล า ยเท่าตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะพบว่าหมอบางคนแต่งเพลงได้บางคนเรียนวิช าชีพแต่มาเป็นศิลปิน บางคนเรียนไม่จบแต่ประสบความสำเร็จ
ถ้ายังไม่เข้าใจในข้อนี้ลองย้อนกลับไปอ่า นข้อ 6 อีกรอบขึ้นชื่อว่า’ความรู้’เราได้รับมา ถึงจะไม่ได้ใช้ในทันทีก็ไม่ควรเสียดายขึ้นชื่อว่า ‘ความฝัน’ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้ใช่ว่าวันหน้าจะเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า’รู้ตัวดีหรือไม่ว่าทำอะไรอยู่’และ’พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกสถานการณ์ชีวิตรึเปล่า’ อย่ าลืมว่าโลกเรากลมและมีหล า ยมิติใช่ว่าจะต้องมองเพียงด้านเดียว
ที่มา stand-smiling